Poker เป็นเกมส์การพนันชนิดเดียวในโลก ที่ได้รับการบรรจุให้เป็นกีฬา ซึ่งมีการจัด Tournament การแข่งขันกันอย่างถูกต้อง และเป็นทางการในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
และไพ่โปกเกอร์ ยังถูกขนานนามให้เป็น the king of Gamble หรือหมายถึงเป็นเกมราชาแห่งการพนันนั่นเอง ทั้งหมดนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ไพ่โป๊กเกอร์ ไม่ใช่เกมวัดดวงตามธรรมดา แต่อุดมไปด้วยเทคนิคการเล่นอันแพรวพราว ลูกล่อลูกชนที่หลากหลาย เพื่อจะทำอย่างไรก็ได้ ให้ตนเองเป็นผู้ชนะในที่สุด ตามกติกาที่วางไว้
โป๊กเกอร์ ต่างจากเกมไพ่ชนิดอื่นๆ พอสมควร เนื่องจากเกมการ์ด หรือเกมไพ่อื่นๆนั้น ถ้าหากเราดวงดี แล้วได้ไพ่ดี เราก็ชนะเลย หรือถ้าหากเราใช้วิธีการทายผล เมื่อเราทายถูก ก็คือชนะ ถ้าหากเราทายผิดก็คือแพ้ แต่ในไพ่โป๊กเกอร์นั้น ต่อให้คุณได้ไพ่ไม่ดี คุณก็อาจจะชนะได้ และต่อให้คุณดีสุดๆ คุณก็แพ้เละเทะได้เช่นเดียวกัน
จุดนี้เองทำให้โป๊กเกอร์ เป็นการพนันและกีฬาที่มีเสน่ห์ น่าติดตาม น่าเล่น น่าฝึกฝน และถ้าหากว่าท่าน สามารถฝึกฝนจนเก่งมากพอแล้ว ท่านยังสามารถใช้เป็นอาชีพได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันนี้ มีนักโป๊กเกอร์อาชีพมากมาย ที่ทำรายได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท แม้แต่ในเมืองไทยเราเอง ก็ยังมีนักโป๊กเกอร์อาชีพ อยู่หลายท่าน
โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ ที่ไม่สามารถดูสิหน้าใครได้เลย เพราะเหล่าบรรดาผู้เล่นระดับเซียนทั้งหลาย จะไม่เคยแสดงสีหน้าที่แท้จริง ให้เราเห็นเลย แต่จะแสดงสีหน้า และอากัปกิริยาหลอกๆ เพื่อให้เราหลงเชื่อ ว่าเขามีไพ่ ในแบบที่เขาต้องการให้เราคิด
ตัวอย่างเช่น นาย A ได้ไพ่ดีสุดๆ แต่กลับแสดงสีหน้าเหมือนลังเล ว่าจะเล่นต่อ หรือจะหมอบดี ซึ่งการทำสีหน้าแบบนี้ ทำให้คู่แข่งรู้สึกว่า ไพ่ของนาย A น่าจะไม่ดีมากนัก และตนเองน่าจะสู้ได้ ผลปรากฏว่าสู้กันไปเรื่อยๆ จนถึงไพ่ใบสุดท้าย กลายเป็นวงเงินกองกลาง เทกันหมดหน้าตักกันไปแล้ว และทำให้นาย A ได้รับเงินเป็นจำนวนมาก
เทคนิคในการแสดงสีหน้า ที่นิยมใช้สำหรับผู้เล่นระดับสูง คือไม่ใช่การแสดงสีหน้าแบบหลอกๆ เช่นถ้าหากว่าเราได้ไพ่ดี แล้วแสดงสีหน้าว่าได้ไพ่ไม่ดี แบบนี้เป็นระดับทั่วไป ซึ่งในวงการ Poker เขาจะไม่เชื่อกัน
แต่เราต้องใช้เทคนิค ที่ซับซ้อนมากกว่านั้น เช่นหากเราได้ไพ่ดี เราต้องแสดงอาการเหมือนเราโกหก ว่าเราได้ไพ่ดี ด้วยการทำเป็นลังเล แต่ก็ยังสู้ด้วยวงเงินเป็นจำนวนสูง หรือไม่ก็ทำเหมือนลังเล แล้วเกทับไปซะเลย
แม้แต่ในเวลาที่เราได้ไพ่ไม่ดี เราก็ยังสามารถแสดงอาการ ในแบบเดียวกันนั้นได้ ซึ่งเป็นการหลอกคู่ต่อสู้ เข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ให้เขาคิดว่าเราได้ไพ่ดีขึ้นมาจริงๆ แล้วเราก็สู้ด้วยวงเงินเป็นจำนวนสูง ซึ่งถ้าหากฝ่ายตรงข้ามหลงกล ก็อาจจะหมอบ และเสียพนันให้กับเราได้
เอาแค่เรื่องการแสดงสีหน้า ก็จะเห็นว่ามีความซับซ้อน ซ่อนเงื่อนหลายชั้น ดังนั้นหากต้องการฝึกเล่นไพ่โป๊กเกอร์ ให้ประสบความสำเร็จ ท่านต้องเริ่มจาก ฝึกการแสดงสีหน้า และอากัปกิริยาต่างๆ ให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการแสดง ให้ได้อย่างแนบเนียน จึงเป็นที่มาของคำศัพท์ว่า PokerFace ที่หมายถึง ลักษณะการแสดงสีหน้า ที่เราไม่รู้ว่าความจริงแล้ว คนๆ นั้นรู้สึกอย่างไร
ในการฝึกช่วงแรกๆ อาจจะเป็นการยาก ที่จะแสดงสีหน้า และแววตาให้ดูซับซ้อนขนาดนั้น ดังนั้นนักโป๊กเกอร์รุ่นใหม่หลายๆท่าน จึงแก้ปัญหาแบบง่ายๆ ด้วยการทำหน้านิ่งๆ และไม่แสดงสีหน้าใดๆเลย ซึ่งก็นับเป็นวิธีที่ดี ในการเริ่มเล่นโป๊กเกอร์ เช่นเดียวกัน
จากหัวข้อที่แล้ว ได้ทราบกันไปว่า เพียงแค่การแสดงสีหน้า และอากัปกิริยาต่างๆ ก็ทำให้ไพ่โปกเกอร์ มีความซับซ้อนในการเล่น สูงมากพอแล้ว แต่ยังไม่หมดแค่นั้น การวางเดิมพัน หรือการเพิ่มวงเงินเดิมพัน ที่เรียกว่าการเกทับ ก็เป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่ง ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์
หากท่านเคยชมภาพยนตร์ แนวการพนันประเภทโคตรเซียน จะเห็นได้ว่า หัวใจหลักของเรื่อง คือการแข่งขันเล่นโป๊กเกอร์นั่นเอง และท่านจะเห็นการเพิ่มเงินเดิมพัน เข้าไปในกองกลางด้วยเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เปิดไพ่ สิ่งนั้นเรียกว่าการ Call โดยหากมีผู้ที่คอลไปแล้ว คนอื่นยังต้องการสู้ ก็ต้องใส่เงินเดิมพัน ไปตามยอดเงินนั้นๆ แต่ถ้าใส่เงินเดิมพันกลับมามากกว่า จะเรียกว่าการเกทับ ซึ่งคนที่ Call ก็ต้องเพิ่มเงินไปให้เท่ากัน จึงจะทำการเปิดไพ่ใบต่อไปได้
หากเกทับกันไปกันมาเรื่อยๆ อาจทำให้ถึงขนาดเงินหมดหน้าตักได้เลยทีเดียว และจากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า นี่เป็นเพียงกติกา การเล่นเบื้องต้น ของเกมโปกเกอร์เท่านั้น ในความเป็นจริงการเกทับ ยังมีรายละเอียดเบื้องหลัง ที่ซับซ้อน และต้องใช้เทคนิคในการวิเคราะห์สูงมาก
ตัวอย่างเช่น หากท่านได้รับไพ่ขึ้นมือมาดีมาก แล้วท่านตัดสินใจ เกหมดหน้าตักทันที แบบนี้จะทำให้ฝ่ายตรงข้าม หรือคู่แข่งทั้งโต๊ะ ทราบว่าท่านมีไพ่ที่ดีมาก ซึ่งจะทำให้คู่แข่ง ตัดสินใจหมอบกันหมด และเราจะได้เงินเดิมพันน้อย
แต่ถ้าหากว่า เราได้ไพ่ดีมากๆ แล้วเราออก Action แบบลังเลหน่อยๆ และค่อยๆ ใส่เงินเดิมพัน ตามคนอื่นไปเรื่อยๆ จะทำให้เราคู่แข่งรู้สึกว่า ไพ่เราคงแค่พอใช้ได้ ไม่ได้ดีมากนัก และจะทำให้คู่แข่งในวง ค่อยๆตัดสินใจสู้ โดยการเพิ่มเงินเดิมพันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราค่อยไปเกมหมดหน้าตัก ในจังหวะสุดท้าย ซึ่งจะทำให้เราได้กำไรมหาศาล
หรืออีกกรณีหนึ่ง ในกรณีที่เรา ได้ไพ่ไม่ดี แต่เราทำเป็นลังเลสักพัก แล้วตัดสินใจเพิ่มเงินเดิมพัน ไปด้วยจำนวนเงินค่อนข้างสูง แบบนี้จะทำให้คู่แข่ง เกิดความสงสัยว่า ตกลงไพ่เราดีหรือไม่ดีกันแน่ เพราะถ้าไม่ดี ก็ไม่น่าจะกล้าเพิ่มวงเงิน ให้สูงขนาดนั้น
สุดท้ายแล้ว ถ้าหากคู่แข่ง ไม่มั่นใจในไพ่ของตนเอง ก็อาจจะตัดสินใจหมอบ ซึ่งทำให้เราเป็นฝ่ายชนะเดิมพัน ทั้งๆที่เริ่มต้นจากไพ่ไม่ดีแท้ๆ การทำแบบนี้ เรียกว่าการบลัฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อย ในการเล่น Poker
จะเห็นได้ว่า ทั้งการเกทับ และการบลัฟ ล้วนเป็นศิลปะ และเทคนิคขั้นสูง ในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ เพื่อใช้ในการหลอกล่อเหล่าผู้แข่งทั้งหลาย ให้ติดกับดักของเรา และเล่นไปตามเกณฑ์ที่เรากำหนด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเราก็ต้องระวังไม่ให้ไปติดกับดักแบบนี้ จากผู้เล่นคนอื่นในวงเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ทุกท่าน ก็คงได้ทราบกันไปแล้วว่า ในการเล่นโป๊กเกอร์นั้น มีความซับซ้อนอย่างสูง นอกจากลุ้นไพ่ที่ขึ้นมาบนมือแล้ว เรายังต้องคาดการณ์ไพ่บนมือคนอื่น แล้วยังต้องคอยสังเกตสีหน้า และกิริยาท่าทางต่างๆ ประกอบไปด้วยอีก แต่เนื่องจากในยุคปัจจุบัน เราสามารถเล่น Poker ผ่านระบบออนไลน์ได้ จึงมีคำถามตามมาว่า แล้วถ้าเป็นการเล่นออนไลน์ ที่มองไม่เห็นหน้าตากัน เราจะหลอกคู่แข่งอย่างไร
กรณีนี้ จะหลอกยากกว่าการเล่นบนโต๊ะจริง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ ที่สามารถหลอกคู่แข่งได้พอสมควร เช่นเรามีไพ่ดี แทนที่เราจะรีบวางเงินเดิมพันอย่างรวดเร็ว ก็ให้เราดึงเวลาให้ช้าๆ รอจนใกล้หมดเวลา ที่ทางระบบตั้งไว้ แล้วเราค่อยวางเดิมพัน ตามคนอื่นไป
ซึ่งการที่เรา วางเงินเดิมพันช้ามากๆ จะทำให้คู่แข่ง รู้สึกว่าไพ่ของเราไม่สูงนัก และไม่ค่อยน่าเล่น จึงได้คิดนาน ประกอบกับการที่เรา เรียกเงินเดิมพัน ตามคนอื่นเท่านั้น โดยไม่ได้เกทับ ยิ่งทำให้คู่แข่ง ค่อนข้างมั่นใจว่า ไพ่บนมือเราน่าจะไม่ดี ทั้งที่จริงๆ แล้วไพ่เราเปิดมาดีมากๆ
หรือในกรณีกลับกัน หากเราได้ไพ่ไม่ดี แต่เราเห็นจังหวะที่จะบลัฟคู่ต่อสู้ได้ terrabrasilis แนะนำว่าให้เราเกทับ ด้วยวงเงินที่ดูค่อนข้างสูงอย่างรวดเร็ว จะทำให้คู่แข่งรู้สึกว่า ไพ่เราน่าจะดีจริงๆ จึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น และอาจจะทำให้คู่แข่ง ยอมหมอบให้เราได้ในที่สุด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ไพ่เขาอาจจะดีกว่าเราก็ได้
